ลดต้นทุน 30% ทำได้จริง ด้วย OCR AI ปลดล็อกศักยภาพธนาคารไทย เพิ่มประสิทธิภาพในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

อุตสาหกรรมการธนาคารกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้าในด้านความเร็ว ความสะดวก และความปลอดภัยที่มากขึ้น ในขณะที่ธนาคารต้องแข่งกับเวลา ลดต้นทุน และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ซับซ้อน

คำตอบคือ ต้องพึ่งการปรับตัวด้วยเทคโนโลยีที่จะมาพลิกโฉมวงการธนาคารนั่นก็คือ OCR (Optical Character Recognition) เทคโนโลยี AI ที่มีความสามารถในการ “มองเห็น” และ “เข้าใจ” ข้อความ เหมือนดวงตาอัจฉริยะที่อ่านข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำ

ลองจินตนาการว่าหากธนาคารสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ภายในไม่กี่นาที ตรวจจับการฉ้อโกงได้แบบเรียลไทม์ และให้บริการลูกค้าได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นความจริงที่กำลังเกิดขึ้น     ด้วยพลังของ OCR เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนเกมการแข่งขันของธนาคารในยุคดิจิทัล

รู้จัก OCR เทคโนโลยี AI เปลี่ยนเกมเอกสารในอุตสาหกรรมธนาคาร

OCR (Optical Character Recognition) คือเทคโนโลยี AI ในการแปลงภาพหรือลายมือบนเอกสารให้เป็นข้อมูลดิจิทัลที่พร้อมแก้ไข ค้นหา และวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ยกระดับการบริการ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและลดข้อผิดพลาดจากแรงงานได้อย่างยั่งยืน

การนำ OCR มาใช้ในปัจจุบันสามารถลดค่าใช้จ่ายและเวลาจัดการเอกสารลงได้ถึง 20-30% เมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิม นอกจากนี้ตลาด OCR กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Grand View Research คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 13.7% และแตะมูลค่า 25.6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 8.6 แสนล้านบาท) ภายในปี 2027

OCR ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

OCR เปรียบเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายกระบวนการของธนาคาร ได้แก่

• อนุมัติสินเชื่อรวดเร็ว (Loan Processing): OCR อ่านใบสมัครสินเชื่อ เอกสารรายได้ เอกสารภาษี และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยการแปลงข้อความจากเอกสารเป็นข้อความดิจิทัลอัตโนมัติ โดยระบบสามารถดึงข้อมูลจากรายงานเครดิตบูโร และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
  
  ตัวอย่าง:

• • National Debt Relief: บริษัทจัดการหนี้ในนิวยอร์ก ต้องการเร่งการประมวลผลจดหมายชำระหนี้จำนวนมาก แต่จดหมายเหล่านี้ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ทำให้การใช้ทีมงาน 50 คนจัดการเป็นเรื่องยาก จึงใช้ OCR AI จาก Docsumo เพื่อดึงข้อมูลจากจดหมายเหล่านี้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ก่อนถูกส่งต่อไปยัง Salesforce ซึ่งเป็นระบบ CRM ที่บริษัทใช้จัดการข้อมูลของลูกค้า ส่งผลให้ National Debt Relief ลดต้นทุนการดำเนินงานถึง 70% เพิ่มความแม่นยำเป็น 99% และลดการทำงานด้วยมือถึง 95%
  • BlueVine: บริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน ใช้ Amazon Textract บริการ OCR บนระบบคลาวด์ ในการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาให้เข้าถึงเงินทุนจากโครงการสินเชื่อเพื่อคุ้มครองธุรกิจ หรือ PPP ได้อย่างรวดเร็ว OCR สามารถประมวลผลและวิเคราะห์แบบฟอร์ม PPP หลายหมื่นรายการต่อวัน ช่วยให้ BlueVine ช่วยเหลือธุรกิจนับพันรายให้ได้รับเงินทุน และรักษาสภาพการจ้างงานของธุรกิจเหล่านั้นได้กว่า 400,000 ตำแหน่ง

OCR by WordSense : บริษัทในเครือ LooLoo Technology มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็น กลุ่มธนาคารและประกันภัยที่ได้มีการนำ OCR เข้ามาช่วยลดงานเอกสาร จากเดิมที่ต้องใช้พนักงาน 20-30 คน เหลือเพียง 3 คน นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้อ่านและประมวลผลใบสมัครบัตรเครดิตที่เขียนด้วยลายมือ ช่วยลด Human Error และเร่งกระบวนการอนุมัติ และยังช่วยลดเวลาการทำงานของพนักงานจากหลักชั่วโมงเหลือหลักนาที

เปรียบเทียบการป้อนข้อมูลด้วยมือ VS OCR by WordSense

• ระบบเปิดบัญชีดิจิทัล (Digitized Customer Onboarding): OCR ช่วยให้ธนาคารสามารถรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งตรวจสอบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ อ่าน Bank Statement และเอกสารยืนยันตัวตนภายใน 45-60 วินาที ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย

• ตรวจเช็กเอกสารให้เป็นไปปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Regulatory Compliance): OCR ช่วยให้ธนาคารสามารถอ่านบันทึกธุรกรรม จัดระเบียบข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมเพื่อตรวจจับพฤติกรรมน่าสงสัย รวมถึงพัฒนาระบบ Monitoring แบบ Real-time ด้วย Keyword ช่วยให้ธนาคารสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• แปลงเอกสารเก่าให้เป็นดิจิทัล (Document Digitization): OCR ช่วยให้ธนาคารอ่านเอกสารเก่าและเก็บให้เป็นข้อมูลดิจิทัล ช่วยทำให้การค้นหาและตรวจสอบข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น นำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า ด้วยข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม

• ยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC Verification): OCR ช่วยให้ธนาคารสามารถดึงข้อมูลจาก Passport ใบขับขี่ บิลค่าสาธารณูปโภค และเอกสารอื่นๆ เพื่อตรวจสอบความไม่สอดคล้องบนฐานข้อมูล ป้องกันการปลอมแปลงและการฉ้อโกง

• ตรวจเอกสารด้านการเงิน: OCR สามารถอ่านข้อมูลจากเช็ค เช่น หมายเลขบัญชี จำนวนเงิน และลายเซ็น ช่วยลดเวลาในการประมวลผลเช็ค และลดความเสี่ยงจากความผิดพลาด พร้อมตรวจจับเช็คปลอม โดยวิเคราะห์รูปแบบตัวอักษร ลายเซ็น และจากคุณสมบัติอื่นๆ รวมไปถึงใบแจ้งยอดบัญชี เอกสารภาษี และสัญญาการเงินต่าง ๆ เพื่อตรวจจับการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี

มองให้ไกลกว่า ROI เพราะความคุ้มค่าไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข

หลายองค์กรมองการลงทุนใน OCR เช่นเดียวกับการลงทุนทั่วไป โดยคาดหวังการคืนทุนภายใน 1-2 ปี แต่คุณค่าที่แท้จริงของ OCR ไม่ได้อยู่แค่ตัวเลข ROI (Return on Investment) หรือผลตอบแทนจากการลงทุน แต่อยู่ที่ “ข้อมูล” ที่สามารถนำไปวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อทำความเข้าใจลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับธนาคาร OCR ไม่เพียงช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงาน แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการแข่งขันระยะยาว ช่วยเพิ่มความเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการให้บริการ พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เชิงลึกเพื่อพัฒนาธุรกิจ

องค์กรที่นำ OCR มาใช้ก่อน กำลังก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงแรกอาจยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า พวกเขาจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างนวัตกรรม หากยังไม่เริ่มใช้ OCR วันนี้ อาจต้องเร่งไล่ตามคู่แข่งจนแทบตามไม่ทันในอนาคต

OCR by WordSense เข้าใจภาษาไทยทุกการใช้งาน

OCR by WordSense อ่านเอกสารได้ทั้งตัวพิมพ์และลายมือภาษาไทย

การใช้งาน OCR จริงในประเทศไทยก็มีความท้าทายเฉพาะตัว ทั้งความซับซ้อนของภาษาไทย และรูปแบบเอกสารที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้ OCR by WordSense ภายใต้ Looloo Technology บริษัทชั้นนำด้านการให้คำปรึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของไทย จึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี OCR ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธนาคารไทยอย่างแท้จริง เราเชี่ยวชาญด้าน AI ภาษาไทย และเข้าใจความต้องการเฉพาะของธุรกิจการเงิน ทำให้เราพร้อมปรับแต่งโซลูชัน OCR ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธนาคารไทย และปลดล็อกศักยภาพในการจัดการเอกสารอย่างเต็มที่

OCR by WordSense โดดเด่นด้วย ‘OCR Handwriting’ ที่อ่านลายมือภาษาไทยได้อย่างแม่นยำเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศ ช่วยให้ธนาคารประมวลผลข้อมูลจากเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความแม่นยำเริ่มต้นที่ 92% สำหรับลายมือ และ 95% สำหรับตัวพิมพ์ และระบบจะยิ่งแม่นยำขึ้นเมื่อใช้งานจริง เพราะยิ่งมีการเทรนข้อมูลมากเท่าไหร่ ระบบก็จะยิ่งเรียนรู้และปรับปรุงความแม่นยำได้มากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ทำให้ OCR ของ WordSense มีความแม่นยำสูงทั้งการอ่านลายมือและตัวพิมพ์ ครอบคลุมทั้งภาษาไทยและอังกฤษ คือการมี Big Data จากบริษัทขนส่งโลจิสติกส์เจ้าใหญ่แห่งหนึ่ง ทำให้เรามีตัวอย่างลายมือหลายล้านข้อมูลมาใช้ในการฝึกสอนระบบ OCR จนสามารถพัฒนาให้มีความแม่นยำสูงกว่ามาตรฐานของตลาด

ในขณะที่ Amazon Textract หรือ Google Cloud Vision OCR เป็นโซลูชันที่มีอยู่ในตลาด OCR แต่ OCR ของ WordSense ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการประมวลผลเอกสารภาษาไทย โดยมีความสามารถที่โดดเด่นในการอ่านลายมือ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งกับความต้องการของธนาคารและองค์กรที่ต้องจัดการกับเอกสารภาษาไทยในปริมาณมาก

อะไรที่ทำให้ OCR By WordSense แตกต่าง?

OCR By WordSense ไม่เพียงแค่อ่านตัวอักษร แต่เหนือกว่าด้วยความสามารถในการเข้าใจบริบท ทำให้สามารถแปลงคำได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แม้ลายมือจะไม่ชัดเจน

ตัวอย่างเช่น เมื่อ OCR อ่านลายมือแล้วเห็นคำว่า ‘กาศ’ หรือ ‘กาด’ ระบบจะดูคำที่อยู่ข้างหน้า
ถ้าเป็น ‘ประ’ ระบบจะแปลงเป็น ‘ประกาศ’ แต่ถ้าเป็น ‘ผัก’ ระบบจะแปลงเป็น ‘ผักกาด’ ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดในการตีความข้อมูล และเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้

เพราะ OCR by WordSense สามารถจัดการกับเอกสารที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ หรือเอกสาร Semi-Structure อื่นๆ ที่มีรูปแบบแตกต่างกัน ระบบก็สามารถอ่านและประมวลผลได้อย่างแม่นยำ ด้วยหลักการอ่านแบบดูบริบทและการค้นหาคีย์เวิร์ดสำคัญ เช่น เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ชื่อผู้รับเงิน จำนวนสุทธิ เป็นต้น ไม่ว่าเอกสารจะมีแบบฟอร์มแตกต่างกัน ระบบก็สามารถอ่านและประมวลผลได้อย่างแม่นยำ เพราะ WordSense เข้าใจว่าธุรกิจแต่ละแห่งมีความต้องการเฉพาะตัว OCR by WordSense จึงสามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับการใช้งานของแต่ละองค์กร เพื่อให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ไม่เพียงเท่านั้น OCR by WordSense เป็นโซลูชันที่ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับระบบงานเดิมของธนาคารได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นระบบภายใน หรือแอปพลิเคชันเช่น LINE OA ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน OCR ได้อย่างง่ายดาย โดยแทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ

นอกจากนี้ OCR by WordSense ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า ทุกโปรเจกต์เริ่มต้นด้วยการลงนามในข้อตกลงรักษาความลับ (NDA) เพื่อรับประกันว่าข้อมูลจะถูกปกป้องอย่างเคร่งครัด โดยข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บบน AWS Cloud ซึ่งมาพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย นอกจากนี้ การจัดเก็บและบริหารข้อมูลของ WordSense ยังได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกด้านการจัดการความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศ

ที่สำคัญที่สุดคือ WordSense รับประกันว่าข้อมูลของลูกค้าจะไม่ถูกนำไปใช้ร่วมกับข้อมูลของบริษัทอื่นในการเทรน OCR เพื่อรักษาความลับและความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยมาตรการเหล่านี้ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด

ทดลองใช้ Demo OCR by WordSense อ่านใบสมัครบัตรเครดิตที่เขียนด้วยลายมือ!

OCR by WordSense สามารถทดลองใช้ Demo ได้ฟรี ไม่จำกัดขนาดข้อมูลและไม่เก็บข้อมูลระหว่างการใช้งาน

หรือเลือกรับคำปรึกษาฟรี 3 ชั่วโมง ได้ที่:โทร: 02-028-7557

Demo OCR by WordSense : wordsense-ocr-demo.loolootech.com

Website : https://loolootech.com

สุดท้ายนี้ OCR  ไม่ใช่แค่เครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น แต่เป็น “กุญแจ” ที่จะปลดล็อกศักยภาพของธนาคารให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ท้าทาย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว OCR จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ที่ธนาคารจะสามารถให้บริการได้รวดเร็ว ปลอดภัย สร้างสรรค์นวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

เนื้อหา use cases ธนาคาร: 

 https://aws.amazon.com/th/what-is/ocr/

https://www.docsumo.com/blogs/ocr/banking

ข้อมูลมูลค่าตลาด OCR 

https://www.shaip.com/blog

เนื้อหาเกี่ยวกับ OCR กับงานธนาคาร

https://pixl.ai/blog/ocr-in-banking-complete-guide-2024/