Skip to content Skip to footer

ป้อนข้อมูลด้วยมือ VS ระบบ OCR – เทคโนโลยี AI เปลี่ยนเกมการทำงาน ลด Human Error ลดต้นทุนการทำงาน

WordSense AI อ่านเอกสาร
 

การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจยุคดิจิทัล โดยเฉพาะภาคการเงิน การธนาคาร รัฐวิสาหกิจรวมถึงประกันภัย ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรที่ต้องรับมือกับเอกสารจำนวนมหาศาล การเปลี่ยนผ่านจากการป้อนข้อมูลด้วยมือไปสู่เทคโนโลยี AI : OCR (Optical Character Recognition) ที่ช่วยแปลงข้อความจากเอกสารเป็นข้อความดิจิทัล ไม่เพียงปรับปรุงกระบวนการทำงาน แต่ยังยกระดับขีดความสามารถขององค์กรและลดต้นทุนในระยะยาว 

เพื่อให้แต่ละองค์กรเข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น WordSense by Looloo Technolgy ลองเปรียบเทียบความคุ้มค่าในด้านต่าง ๆ ระหว่างการป้อนข้อมูลด้วยมือแบบเดิมกับเทคโนโลยี OCR พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรตัดสินใจก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ได้อย่างมั่นใจ

ข้อจำกัดของการป้อนข้อมูลด้วยมือที่องค์กรเผชิญ

การป้อนข้อมูลด้วยมือเป็นวิธีที่คุ้นเคยสำหรับหลายองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจ B2B ซึ่งมีถึง 48% ที่ยังคงใช้วิธีนี้ [1] แต่กระบวนการนี้มาพร้อมกับข้อจำกัดหลายประการ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน

1.ความล่าช้าและข้อผิดพลาด

การป้อนข้อมูลด้วยมือใช้เวลานาน โดยเฉพาะต้องจัดการเอกสารจำนวนมาก อาจใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ในการประมวลผล นอกจากนี้ ความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error) ยังเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งมีอัตราความผิดพลาดถึง 4% หรือ 4 ครั้งต่อการป้อนข้อมูล 100 รายการ [2] ส่งผลกระทบต่อคุณภาพข้อมูลและการตัดสินใจทางธุรกิจ

2.ต้นทุนและข้อจำกัดในการขยายธุรกิจ

วิธีป้อนข้อมูลด้วยมือแบบเดิมส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อทำงานที่ซ้ำซากและใช้เวลานาน นอกจากค่าแรงแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายเรื่องข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และชื่อเสียงขององค์กร ขณะเดียวกันเมื่อปริมาณงานเพิ่มขึ้น องค์กรจำเป็นต้องเพิ่มบุคลากร ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยตรง โดยไม่ได้คำนึงถึง Economies of Scale – ลดต้นทุนการผลิตด้วยการผลิตสินค้าให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ [3]

ฟรี! ทดลองใช้ Demo OCR by WordSense

AI : OCR by WordSense แปลงลายมือในใบสมัครบัครเครดิตเป็นข้อความดิจิทัล

ระบบ AI : OCR นวัตกรรมที่ปฏิวัติการจัดการข้อมูล

OCR (Optical Character Recognition) คือเทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์แปลงข้อความเอกสารต่าง ๆ เช่น เอกสารกระดาษที่สแกน ไฟล์ PDF หรือรูปภาพ ให้เป็นข้อมูลดิจิทัลที่สามารถแก้ไข ค้นหาและจัดเก็บได้เป็นระบบ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการที่องค์กรจัดการข้อมูลอย่างสิ้นเชิง

OCR by WordSense บริษัทในเครือ Looloo Technology หนึ่งในผู้นำตลาด OCR ไทยในปัจจุบัน โดดเด่นด้วยความแม่นยำสูง และเป็น “เจ้าแรกในไทยสำหรับการอ่านลายมือภาษาไทย (OCR Handwriting)” ที่แปลงลายมือภาษาไทยเป็นข้อความดิจิทัลได้อย่างแม่นยำ

ฟรี! ทดลองใช้ Demo OCR https://wordsense-ocr-demo.loolootech.com  

ฟรี! ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเรา 3 ชั่วโมง!  ติดต่อ WordSense วันนี้ เพื่อธุรกิจที่ Smart และแม่นยำขึ้น 

ติดต่อ: อีเมล: [email protected] หรือ โทรศัพท์: 020287557

รายละเอียดเพิ่มเติม https://loolootech.com/wordsense-ocr/ 

เปรียบเทียบประสิทธิภาพ – ป้อนข้อมูลด้วยมือ Manual VS ระบบ AI : OCR

ป้อนข้อมูลด้วยมือ vs AI OCR

ป้อนข้อมูลด้วยมือ Manual VS ระบบ AI : OCR by WordSense

1.ด้านบุคลากร (People)

การป้อนข้อมูลด้วยมือ

  • ใช้เวลาและทรัพยากรของพนักงานมาก
  • ต้องฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
  • งานที่ซ้ำซากจำเจส่งผลต่อความเหนื่อยล้าและลดประสิทธิภาพการทำงาน

ระบบ AI : OCR

  • ฝึกอบรมพนักงานได้ง่ายและรวดเร็ว พนักงานเริ่มใช้งานได้ทันที
  • พนักงานเปลี่ยนไปโฟกัสงานที่มีมูลค่าสูงกว่า เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือการบริการลูกค้า
  • ลดภาระงานที่ซ้ำซากและเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานของบุคลากร

2.ความแม่นยำ (Accuracy)

การป้อนข้อมูลด้วยมือ

  • ความผิดพลาดของมนุษย์ถือเป็นที่มาของความไม่ถูกต้องของข้อมูลที่ใหญ่ที่สุด [4]
  • ความเหนื่อยล้าและความไม่แน่นอนในการทำงานทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย

ระบบ AI : OCR

  • OCR by WordSense ความแม่นยำตั้งต้นอยู่ที่ 92% สำหรับการแปลงลายมือภาษาไทย และ 95% สำหรับการแปลงตัวพิมพ์ภาษาไทย
  • ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงเพื่อรับรู้และแปลความหมายของข้อความ ทำให้มีข้อผิดพลาดน้อยกว่าการป้อนข้อมูลด้วยมือ
  • ความแม่นยำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการเรียนรู้ของระบบ AI

3.เวลา (Time)

การป้อนข้อมูลด้วยมือ

  • ใช้เวลาหลายชั่วโมงสำหรับป้อนข้อมูลจากเอกสารทีละแผ่นเข้าระบบ
  • จำกัดด้วยชั่วโมงการทำงานของพนักงาน ทำให้ประมวลผลได้ช้า

ระบบ AI : OCR

  • ประมวลผลเอกสารได้อัตโนมัติภายในไม่กี่วินาที
  • ประมวลผลเอกสารหลายพันหน้าในเวลาไม่กี่นาที [4]
  • รายงานจาก McKinsey ปี 2024 ระบุว่าบริษัทที่ใช้ OCR สามารถลดเวลาการจัดการใบแจ้งหนี้ลงได้ 20% [5]

4.ต้นทุน (Cost)

การป้อนข้อมูลด้วยมือ

  • ต้นทุนพนักงานคงที่ไม่ว่าจะมีปริมาณงานเท่าใด
  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามปริมาณงานโดยไม่มี Economies of Scale
  • เสี่ยงสูงต่อการจ่ายค่าปรับหรือค่าเสียหายจากความผิดพลาดสำหรับการป้อนข้อมูลของพนักงาน

ระบบ AI : OCR

  • ลงทุนครั้งเดียว ได้ผลตอบแทนระยะยาว
  • ลดความจำเป็นสำหรับการจ้างพนักงานป้อนข้อมูลจำนวนมาก
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขข้อผิดพลาดและการจัดเก็บเอกสารกระดาษ

5.ผลลัพธ์ (Result)

การป้อนข้อมูลด้วยมือ

  • ใช้เวลานานในการจัดเก็บเอกสารและวิเคราะห์ข้อมูลหลังการป้อน
  • ข้อมูลอาจไม่พร้อมใช้งานทันที และต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอน

ระบบ AI : OCR

  • จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติ 
  • ข้อมูลค้นหาได้และพร้อมใช้งานทันที เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
  • รวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกันอัตโนมัติ ให้การวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

6.ความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security)

การป้อนข้อมูลด้วยมือ:

  • ข้อมูลเสี่ยงต่อการรั่วไหลได้ง่าย เนื่องจากการเข้าถึงของพนักงาน
  • การจัดเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกทำลาย

ระบบ AI : OCR

  • เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการเข้ารหัสและการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง
  • การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลช่วยป้องกันการสูญหายและง่ายต่อการสำรองข้อมูล
  • สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญสำหรับองค์กรในปัจจุบัน

การประยุกต์ใช้ AI : OCR ในอุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร

1. ประมวลผลใบแจ้งหนี้และเอกสารทางการเงิน

OCR ช่วยดึงข้อมูลสำคัญจากใบแจ้งหนี้ได้อัตโนมัติ เช่น วันที่ จำนวนเงิน และรายการสินค้า ลดเวลาการจัดการลงได้ถึง 20% ตามรายงานของ McKinsey ช่วยเร่งกระบวนการชำระเงินและเพิ่มความพึงพอใจของคู่ค้า [5]

2. กระทบยอดบัญชีธนาคาร

OCR สามารถสแกนงบการเงินและดึงข้อมูลตัวเลขมาเปรียบเทียบกับบัญชีคุณเพื่อค้นหาความแตกต่างได้อัตโนมัติ เดิมที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงปัจจุบันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ทั้งยังเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์

3. ตรวจสอบ KYC (Know Your Customer)

OCR ช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินสามารถอ่านและตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนของลูกค้า เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง หรือใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภคได้รวดเร็ว ทำให้กระบวนการเปิดบัญชีหรือสมัครสินเชื่อรวดเร็วขึ้น ภายใต้ข้อกำหนดทางกฎหมาย

4. วิเคราะห์สินเชื่อและความเสี่ยง

OCR สามารถวิเคราะห์รายได้หรือประวัติค่าใช้จ่ายจากงบการเงินหรือเอกสารภาษี แสดงรูปแบบการใช้จ่ายและสุขภาพทางการเงินอย่างรวดเร็ว ช่วยให้การตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็วและอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง

สรุป AI : OCR อย่าเสียโอกาสลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

เทคโนโลยี OCR เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับองค์กรในยุคดิจิทัล นอกจากทดแทนการป้อนข้อมูลด้วยมือแล้ว ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ และประหยัดเวลา ดังนั้น การนำ OCR มาใช้จึงเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สร้างความได้เปรียบในระยะยาว ช่วยให้องค์กรสามารถนำทรัพยากรไปใช้ในงานที่สร้างมูลค่าสูงขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการพัฒนาธุรกิจ

ในโลกธุรกิจที่แข่งขันสูง การใช้ OCR ไม่ใช่แค่การเลือกเทคโนโลยี แต่เป็นก้าวสำคัญสู่การจัดการข้อมูลที่จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจ คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงขององค์กร? OCR คือประตูสู่โอกาสทางธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด ในขณะที่คู่แข่งยังติดอยู่กับระบบเก่า แต่องค์กรของคุณสามารถก้าวล้ำไปข้างหน้าด้วยความเร็วและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

ถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดสินใจ: จะให้โอกาสผ่านเลยไป หรือจะคว้าไว้และนำพาองค์กรเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความสำเร็จด้วย OCR?

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

[1] https://www.businesswire.com/news/home/20190228005139/en/report-Manual-Processes-Limiting-Value-of-Data-in-Manufacturing

[2] https://www.docuclipper.com/blog/human-error-statistics/

[3] https://www.vinnovatetechnologies.com/healthcare-case-studies.php

[4] https://tenthline.com/ocr-vs-manual-data-entry/

[5] https://klearstack.com/ocr-in-finance-and-accounting/

—————————————–

Looloo Technology is a leading AI consulting company, renowned for delivering cutting-edge and customized AI and Data Analytics solutions, with expertise in predictive analytics, natural language processing (NLP), intelligent document processing (IDP), and automatic speech recognition (ASR), Our application of design thinking methodology ensures a deep understanding of our clients, complemented by a strategic consulting approach to identify areas for maximal impact. Emphasizing rigorous user testing, we fine-tune our solutions to precisely meet the users needs.

Our team is a collective of exceptional individuals with global experience handpicked from top institutions. Their relentless pursuit of excellence and commitment to innovation is what sets us apart and help bring our clients substantial growth and profitability.

🌐 Website : www.loolootech.com

📱 Facebook : Looloo Technology

📸 Instagram : loolootech

🎥 TikTok: @loolootech

 

Related news

WordSense AI อ่านภาษาไทย

WordSense AI แปลงเอกสารเป็นข้อความดิจิทัล เจ้าเดียวในไทยที่อ่านลายมือภาษาไทยได้แม่นยำตั้งต้นถึง 92%

รู้หรือไม่ การนำเทคโนโลยี OCR มาใช้ ช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายในการจัดการเอกสารและเวลาที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลลงถึง 20-30% เมื่อเทียบกับวิธีการแบบเดิม

AI อ่านเอกสาร

แก้เกม ‘งานเอกสารล้น ใช้คนไม่เต็มศักยภาพ’ ด้วย ‘OCR by WordSense’ AI แปลงเอกสารเป็นข้อความดิจิทัล แม่นยำตั้งต้นถึง 92%

เครื่องมือที่ทำให้งานเอกสารเป็นเรื่องง่าย ลดเวลาการทำงาน ลดจำนวนพนักงานจาก 30 คน ให้เหลือเพียง 3 คน ช่วยลดต้นทุนแต่ไม่ลดประสิทธิภาพ

แอปหมอเด็กออนไลน์ หมอคู่คิดส์

รู้จัก ‘หมอคู่คิดส์’ แอปคู่ใจแม่และเด็ก พื้นที่ปรึกษาออนไลน์ที่ดูแลใกล้ชิด อุ่นใจเหมือนมีคุณหมออยู่เคียงข้าง

จุดเริ่มต้นเล็กๆ จากทีมคุณหมอที่ตั้งใจอยากเป็นมากกว่าหมอที่รักษาโรค แต่เป็น ‘คู่คิด’ ที่อยู่เคียงข้าง ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ เข้าใจง่าย และไม่ตื่นตระหนกเกินจำเป็น