Skip to content Skip to footer

เมื่อ AI ขับเคลื่อนแรงงาน : เจาะลึก Workforce Optimization และกรณีศึกษาบริษัทระดับโลก

Workforce AI Looloo Technology

ในยุคที่ตลาดแรงงานทั่วโลกผันผวน การจัดการคนทำงานแบบดั้งเดิม (หนึ่งคนหนึ่งขั้นตอน) ไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากบทความของ McKinsey ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เผยให้เห็นข้อบกพร่องของจัดการงานในรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นการจัดการข้อมูลและการจัดสรรทรัพยากรบุคคล

แม้หลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทช่วยพัฒนากระบวนการทางธุรกิจหลายด้าน แต่การจัดการคนให้มีประสิทธิภาพ (Workforce Optimization) ยังไม่ได้รับการยกระดับด้วยเทคโนโลยีเท่าที่ควร แต่ด้วยการเข้ามาของ AI เทคโนโลยีมาแรงแห่งยุค จะช่วยให้การจัดการงานแบบครบวงจรเป็นเรื่องสะดวกขึ้น ทั้งยังเป็นตัวช่วยที่จะตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงและการเรียนรู้ของ Machine Learning ที่ทำให้องค์กรลดต้นทุนการดำเนินงานได้ถึง 15-30% พร้อมยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้เป็นรูปธรรม

Workforce Optimization คืออะไร?

Workforce Optimization (WFO) คือกระบวนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการกำลังคนในองค์กร ผ่านการใช้กลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยีต่าง ๆ เปรียบเหมือน “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่ช่วยจัดการคนทำงานในบริษัทให้ทำงานได้ดีที่สุด คอยดูแลทุกอย่างในองค์กรให้ลงตัว เหมือนโค้ชในทีมกีฬาที่รู้จุดเด่นของนักกีฬาแต่ละคน และรู้ว่าควรจะให้ใครเล่นตำแหน่งไหนถึงจะชนะ!

ยกตัวอย่างแบบให้เห็นภาพ เปรียบ Workforce Optimization เหมือนเกมจัดทีม แต่เป็นเกมจริง ๆ ในที่ทำงาน ถ้าใครเก่งงานไหน? ➡ ให้เขาทำงานนั้น หรือใครที่ต้องการพัก มีภาวะ Burnout ➡ก็จัดตารางให้ได้พัก รวมถึงพนักงานคนไหนที่มีงานด่วนเข้ามา ➡ ก็หาคนที่ว่างและเก่งในงานนั้น ๆ มาช่วย ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้คนทำงานมีความสุขขึ้น เพราะได้ทำงานที่ถนัด ส่วนบริษัทก็ประหยัดเงิน เพราะทุกคนทำงานได้เต็มที่และมีความสุข ไม่ต้องเสียเวลาหรือเสียเงินจ้างคนใหม่ ๆ ขณะที่ลูกค้าเองก็พอใจ เพราะได้งานคุณภาพเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด เร็วและดี

ยกระดับธุรกิจด้วย Workforce Optimization พลิกโฉมการทำงานอย่างไร?

จากการศึกษาของ McKinsey พบว่าองค์กรที่นำ Workforce Optimization จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้สูงถึง 40% และลดต้นทุนการดำเนินงานได้ 25-30% ภายในปีแรก นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับความพึงพอใจของพนักงานและลูกค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ

เทคโนโลยี WFO จะสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างไรบ้าง?

1.Workforce Optimization เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

Workforce Optimization by Looloo Technology มาพร้อมระบบ AI ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลรอบด้านและครอบคลุม ทั้งแนวโน้มธุรกิจ ความต้องการของลูกค้า รวมถึงความพร้อมของพนักงาน เพื่อจัดสรรตารางงานที่เหมาะสมกับคนทำงาน โดย AI จะคำนวณให้เลยว่า งานหนึ่งกะต้องใช้พนักงานกี่คน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการทำงานและความพึงพอใจของพนักงาน รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร

  • จัดคนให้เหมาะกับงาน Right Person, Right Job
  • จัดตารางงานที่เหมาะสมกับทักษะและความพร้อมของพนักงาน
  • ลดเวลาในการจัดตารางงานลง 70%
  • เพิ่มอัตราการทำงานตรงตามเป้าหมาย (Goal Achievement Rate) สูงขึ้น 35%

2.Workforce Optimization ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

เทคโนโลยี AI ของ Looloo Technology ยังมาพร้อมการวิเคราะห์การทำงานเพื่อบอกถึงจำนวนคนที่ต้องใช้ในโปรเจกต์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายลงได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานล่วงเวลาที่ไม่จำเป็น การจ้างพนักงาน Part-time เกินความต้องการ ไปจนถึงการจัดสรรพนักงานไม่เหมาะสมกับงาน ช่วยให้องค์กรการวางแผนเรื่องจำนวนได้ในระยะยาว พร้อมรับกับความต้องการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เกินความจำเป็น

  • ลดค่าล่วงเวลาที่ไม่จำเป็น 45% และประหยัดค่าจ้างพนักงาน Part-time 35%
  • ลดต้นทุนการบริหารจัดการพนักงาน 20-25%
  • ลดต้นทุนการฝึกอบรมซ้ำซ้อน 25% 

3.Workforce Optimization ยกระดับคุณภาพงานบริการ

Workforce Optimization สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการบริการด้วยการยกระดับคุณภาพงานอย่างก้าวกระโดด ด้วยระบบ AI อัจฉริยะที่วิเคราะห์และจัดสรรพนักงานให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา และเพิ่มอัตราความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาครั้งแรก (First Call Resolution) สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน

  • ลดเวลารอคอยลง 45% จากการจัดสรรพนักงานที่เหมาะสม
  • เพิ่มอัตราการแก้ไขปัญหาสำเร็จในครั้งแรก (First Call Resolution) ถึง 35%
  • ตัวชี้วัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อสินค้าหรือบริการที่ได้รับจากธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ (CSAT Score) เพิ่มขึ้น 28% 

4. Workforce Optimization เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน

ไม่เพียงช่วยองค์กรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ Workforce Optimization ยังเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับความพึงพอใจของพนักงาน เนื่องจากระบบสามารถวิเคราะห์และจัดสรรงานได้ตรงกับความถนัดและความสนใจของแต่ละคน พร้อมทั้งสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานผ่านการจัดตารางงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม ส่งผลให้ความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานเพิ่มขึ้นด้วย ลดปัญหาการลาออก

  • ลดอัตราการลาออกได้ถึง 35% – อ้างอิงจาก Deloitte
  • สร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว Work life balance
  • ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมสูงขึ้นกว่า 25% จากการกำหนดภาระงานที่เหมาะสมและเป็นธรรม 
  • ความผูกพันต่อองค์กรและความพึงพอใจของพนักงาน Employee Engagement Score เพิ่มขึ้น 40% 
  • ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน สูงขึ้นกว่า 25%

5. Workforce Optimization รองรับการเปลี่ยนแปลงเรียลไทม์

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Workforce Optimization ได้พลิกโฉมการบริหารจัดการกำลังคนด้วยความสามารถในการปรับตัวแบบเรียลไทม์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น พนักงานลาป่วยกะทันหัน การขาดงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือความต้องการกำลังคนเพิ่มเติมในช่วงเวลาเร่งด่วน ระบบสามารถประเมินสถานการณ์และปรับตารางงานใหม่ได้ในทันที ด้วยระบบ AI ที่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าทำให้องค์กรสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงฉับพลันได้อย่างทันท่วงที 

  • ระบบแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ
  • ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและจัดสรรกำลังคนสำรองได้ทันที
  • ปรับเปลี่ยนจำนวนพนักงานตามความต้องการจริง
  • ติดตามประสิทธิภาพการทำงาน Real-time
  • รักษามาตรฐานการบริการแม้ในช่วงวิกฤต

3 กรณีศึกษา : การใช้ Workforce Optimization ในกลุ่มธุรกิจชั้นนำระดับโลก 

การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลแบบเดิม ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป Workforce Optimization คือระบบที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มาดูกันว่ามีธุรกิจชั้นนำระดับโลกเจ้าไหนบ้างที่นำ WFO มาใช้แล้วประสบความสำเร็จ

Workforce Optimization ยกระดับงานซ่อมบำรุง

การใช้ Workforce Optimization ในการจัดสรรพนักงานซ่อมบำรุงกำลังปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสำหรับบริษัทที่มีพนักงานกระจายตัวอยู่หลายพื้นที่ หลายจังหวัด AI ของระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล พร้อมทั้งดึงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการซ่อมบำรุงในแต่ละพื้นที่มาวิเคราะห์ เพื่อดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นเคยได้รับการแก้ไขอย่างไร ใครเป็นผู้แก้ไข และต้องใช้ทักษะหรือความเชี่ยวชาญใดบ้างในการซ่อม 

จากนั้นระบบจะเลือกช่างที่มีทักษะเหมาะสม พร้อมจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ AI ยังช่วยคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ทำให้สามารถวางแผนการซ่อมบำรุงเชิงป้องกันได้มีในระยะยาว โดยผลลัพธ์ที่ได้คือการลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาการแก้ปัญหา รวมถึงเพิ่มอัตราความสำเร็จในการซ่อมครั้งแรก ส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพการบริการและความพึงพอใจของลูกค้า

กรณีศึกษา : Rolls-Royce ผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานชั้นนำ

ใช้ระบบ WFO ที่เรียกว่า”IntelligentEngine” ในการจัดการทีมซ่อมบำรุงเครื่องยนต์อากาศยาน ระบบนี้ใช้ Big Data Analytics ในการวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของเครื่องยนต์แบบ Real-time และวางแผนการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน

  • ลดเวลาหยุดบินเนื่องจากการซ่อมบำรุงลง 25%
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ขึ้น 10%
  • ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงต่อชั่วโมงบินลง 20%

Workforce Optimization พลิกโฉมงาน Call Center 

ระบบ WFO กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการบริการลูกค้าในกลุ่ม Call Center ทั่วโลก ด้วยการนำเอาเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดย Workforce Optimization จะเข้ามาช่วยคาดการณ์จำนวนสายที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ในแต่ละวัน ให้บริษัทจัดสรรพนักงานอย่างเหมาะสม จากนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อปรับปรุงงานบริการได้รวดเร็ว ตรงจุดและไม่ทำให้พนักงานทำงานหนักเกินไป

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดของการนำ Workforce Optimization เข้ามาช่วยทำงาน คือลดเวลารอสายของลูกค้า ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ตลอดจนเพิ่มอัตราการแก้ปัญหาสำเร็จในครั้งแรก นอกจากนี้ WFO ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ทำให้องค์กรสามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล

กรณีศึกษา : Amazon ยักษ์ใหญ่ด้าน E-commerce

ใช้ระบบ WFO ที่เรียกว่า “Amazon Connect” ในการจัดการ Call Center โดยระบบนี้ใช้ AI ในการวิเคราะห์เสียงของลูกค้าเพื่อประเมินอารมณ์และความต้องการ แล้วจัดสรรพนักงานที่มีทักษะเหมาะสมที่สุด

  • ลดเวลาในการแก้ไขปัญหาลง 30%
  • เพิ่มอัตราความพึงพอใจของลูกค้าขึ้น 25%
  • ลดอัตราการลาออกของพนักงาน Call Center ลง 15%

Workforce Optimization เพิ่มยอดขายให้ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้า

ระบบ Workforce Optimization เข้ามาช่วยยกระดับการทำงานในกลุ่มธุรกิจนี้ ด้วยการคาดการณ์ปริมาณลูกค้า อย่างในช่วงวันหยุดที่ลูกค้ามักจะมีมากกว่าปกติ AI จะช่วยคาดการณ์จำนวนลูกค้า เพื่อให้จัดสรรพนักงานตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลาได้ถูกต้อง (อ้างอิงจากข้อมูลลูกค้าในอดีตและแนวโน้มอนาคต) รวมถึงยังช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ให้บริษัทนำไปปรับกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น 

สิ่งที่ได้คือลดต้นทุนแรงงาน เพิ่มยอดขาย และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ WFO ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ดังนั้น การนำ WFO มาใช้จึงเป็นก้าวสำคัญในการปรับตัวสู่อนาคตของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่

กรณีศึกษา : IKEA บริษัทเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับโลก

ใช้ WFO เพื่อปรับปรุงการจัดการพนักงานในร้านค้าและคลังสินค้า โดยระบบนี้ถูกนำไปใช้ในร้านค้า IKEA กว่า 300 แห่งใน 25 ประเทศ ครอบคลุมพนักงานมากกว่า 165,000 คน

  • ลดเวลาในการจัดตารางงานลงได้ 75%
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานขึ้น 5%
  • ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานลง 4% ต่อปี 

สรุปการใช้ Workforce Optimization ในธุรกิจ

Workforce Optimization ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีตตามกระแส แต่คือเครื่องมือแห่งโอกาสที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการพนักงานได้อย่างชาญฉลาด ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งลูกค้าและพนักงาน หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้ธุรกิจของคุณก้าวกระโดด Workforce Optimization อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา ลองนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ แล้วจะพบว่านี่คือกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัลนี้

—————————————–

Looloo Technology is a leading AI consulting company, renowned for delivering cutting-edge and customized AI and Data Analytics solutions, with expertise in predictive analytics, natural language processing (NLP), intelligent document processing (IDP), and automatic speech recognition (ASR), Our application of design thinking methodology ensures a deep understanding of our clients, complemented by a strategic consulting approach to identify areas for maximal impact. Emphasizing rigorous user testing, we fine-tune our solutions to precisely meet the users needs.

Our team is a collective of exceptional individuals with global experience handpicked from top institutions. Their relentless pursuit of excellence and commitment to innovation is what sets us apart and help bring our clients substantial growth and profitability.

🌐 Website : www.loolootech.com

📱 Facebook : Looloo Technology

📸 Instagram : loolootech

🎥 TikTok: @loolootech

 

Related news

เทคโนโลยี AI ยกเครื่อง Telesales ขายประกันผ่านโทรศัพท์ ภายใต้ข้อกำหนด คปภ.

เทคโนโลยี AI แปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text) ทางรอดธุรกิจประกันยุคดิจิทัล หลังพบร้องเรียนพุ่ง 300 คดี จากปัญหาพนักงานขายบิดเบือนข้อมูล-ให้ข้อมูลไม่ครบ ช่วยตรวจจับผิดแบบเรียลไทม์ ลดเวลาตรวจสอบจากแสนชั่วโมงเหลือ 15 ชั่วโมง/เดือน พร้อมประหยัดต้นทุน 30% สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า-คปภ.

หมอออนไลน์

เจาะ 4 เทคโนโลยีเพื่อเด็ก สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ ปรึกษาหมอได้ 24 ชม. แม้อยู่ไกลโรงพยาบาล

ปัญหาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของเด็กไทยกว่า 1 ล้านคน กำลังได้รับการแก้ไขด้วยเทคโนโลยี Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกล ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านการแชตและวิดีโอคอล พร้อมระบบติดตามอาการแบบเรียลไทม์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและการเดินทาง ขณะที่แพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยี AI และระบบติดตามอัตโนมัติ นับเป็นอนาคตใหม่ของวงการแพทย์เด็กที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

Looloo Health

บางกอก เมดิคอล ซอฟต์แวร์ ใช้ AI “PresScribe” พัฒนาโดย Looloo Health ยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ นำร่องในโรงพยาบาล 35 แห่งทั่วประเทศ

บริษัท บางกอก เมดิคอล ซอฟต์แวร์ จำกัด (BMS) ร่วมกับ Looloo Health โดยใช้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ นำ AI เสริมศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล 35 แห่งทั่วประเทศที่ใช้ระบบ BMS-HOSxP และ BMS-HOSxP XE ด้วยบริการ “PresScribe”