Skip to content Skip to footer

จับตา 4 เทรนด์ AI มาแรงแห่งปี 2024

เชื่อว่าตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงได้ยินคำว่า AI แบบนับครั้งไม่ถ้วน คุ้นเคยมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป เพราะด้วยกระแส AI ที่บูมขึ้น จากทั่วสารทิศแทบทุกมุมโลก จนขึ้นแท่นกลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์สำคัญแห่งปี 2023 ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์เอาไว้ว่า AI (Artificial intelligence) หรือโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหลัก ที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่สำคัญได้ในอนาคต

แม้กระทั่ง Bill Gates เอง หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Microsoft ยังยกให้ AI คือความก้าวหน้าสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity Breakthrough) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค โดยปัญญาประดิษฐ์นี้จะเป็น Tool สำคัญในการถ่ายทอดความก้าวหน้าจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ไปสู่ประเทศกำลังพัฒนา และมองว่านี่คือเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งจะพาโลกของเราไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใหม่

ทั้งหมดนี้ล้วนตอกย้ำว่า AI ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นสิ่ง“มาแรงและมาจริง”

4 เทรนด์ AI มาแรงแห่งปี 2024

ปี 2024 นี้มาดูกันว่าเทรนด์ AI จะยังคงเคลื่อนที่แรง หรือเคลื่อนที่เร็วไปในทิศทางไหน เทรนด์ไหนอะไรบ้างที่ต้องจับตาแบบเกาะติด แล้วปัญญาประดิษฐ์นี้จะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ได้มากน้อยแค่ไหน? ไปดูกัน!

1.Generative AI ยังมาแรง! แต่ต้องเพิ่มมูลค่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Generative AI ได้รับความสนใจอย่างมากจากภาคธุรกิจ รวมถึงกลุ่มคนทำงานทั่วไป จากผลการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 500 คนจากการประชุม The MIT Chief Data Officer (CDO) and Information Quality Symposium ชี้ให้เห็นว่า แม้การตื่นตัวด้าน Generative AI ในภาคธุรกิจจะสูง แต่การนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติยังไม่มากเท่าไร ตื่นตัวแต่ยังไม่ Take Action เท่ากระแสที่ถาโถม

จากผลสำรวจยังบอกอีกว่า 75% เชื่อว่า Generative AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงองค์กรของพวกเขาให้ดีขึ้นได้ และพร้อมที่จะลงทุนกับเทคโนโลยีนี้ เพราะมองว่า AI คือเทคโนโลยีแห่งยุคที่ช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในทางกลับกัน ต้องยอมรับว่า Generative AI ใช้เงินในการลงทุนพอสมควร และมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในองค์กรทั้งระบบตั้งแต่ฐานราก โดยทั้งสองสิ่งนี้คงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจบางส่วนยังลังเล เพราะขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ต้องออกแบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับเครื่องมือ Generative AI โดยเฉพาะตัวพนักงานเองที่เป็นผู้ใช้งานต้องมีหัวใจที่เปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้กับทักษะใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน

2. AI กับการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ Predictive Analytics

เมื่ออนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ทุกอย่างแปรผันไปตามเข็มนาฬิกาและปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ภาวะสงคราม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ จะดีแค่ไหนถ้า AI เข้ามาเป็น Tool ช่วยทำนาย คาดการณ์ถึงแนวโน้มความน่าเป็นในอนาคต

การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) จึงเป็นการมุ่งหาแนวโน้มถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ตัวเลข สถิติต่าง ๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ผ่านการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ เพื่อหาแนวทางรองรับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งมองหาโอกาสใหม่ ๆ  ที่น่าจะเป็นไปได้ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในภาคธุรกิจ ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เข้าใจความต้องการของลูกค้า นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงใจมากขึ้น โดยทั้งหมดนั้นตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลเป็นพื้นฐาน

การสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ โดยมากใช้เทคนิค Machine Learning (ML) ด้วยการสอนให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้เอง โดยการใช้ ‘ข้อมูล’ ซึ่งเครื่องมือนี้ครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์เชิงพรรณนา การวินิจฉัย การทำนายและการให้คำแนะนำ เป็นหนึ่งใน Tool ที่ตอบความต้องการและข้อจำกัดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประยุกต์ใช้กับแบบจำลองเชิงคาดการณ์ใช้ในธุรกิจมากขึ้น

     

      • การแพทย์ วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ด้วยการดูข้อมูลจากอุปกรณ์ติดตามผู้ป่วย เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงสภาวะของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์, คาดการณ์เส้นทางของโรค โดยอาศัยข้อมูลในอดีตและข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย

      • ระบบโลจิสติกส์ วิเคราะห์คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละจังหวัด เพื่อวางแผนเรื่องการเติมสต๊อกสินค้า และการกระจายสินค้าในแต่ละภูมิภาค

      • การเงิน ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิต, การอนุมัติสินเชื่อ, บริษัทประกันภัยใช้วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ

    3. การเกิดขึ้นของ Multimodal AI Models ที่หลากหลาย

    OpenAI’s GPT, Meta’s Llama, and ‎Bard คือกลุ่มหนึ่งใน Generative AI ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยและคุ้นมือเป็นอย่างดีสำหรับปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดที่เอ่ยไปเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models : LLM) ช่วยให้ผู้ใช้งานป้อน Input และได้ผลลัพธ์ Output หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, เสียง, รูปภาพ, และวิดีโอ โดยผ่านการรังสรรค์ข้อมูลจาก AI ด้วยอัลกอริทึมขั้นสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตาม Input ที่คุณต้องการ นอกจากนี้ยังให้ Output ในเชิงคาดการณ์ได้อีกด้วย

    ปี 2024 นี้ทิศทางของ AI น่าจะเดินหน้าอย่างสุดกำลัง เราคงได้เห็น Multimodal AI Models ที่หลากหลายมิติมากขึ้น ต่างจากของเดิมที่เน้นเรื่องข้อมูลเพียงอย่างเดียว ซึ่งแต่ละโมเดลเชื่อว่าจะถูกพัฒนาต่อไปในเชิงสร้างสรรค์ เก๋าขึ้นกว่าเดิม ใกล้เคียงภาษามนุษย์มากขึ้น ที่สำคัญยังสามารถสร้างและประมวลผลข้อมูลได้หลายประเภทพร้อมกัน ทั้งข้อความ รูปภาพ คำพูด ฯลฯ

    หากตัว Multimodal AI Models ถูกพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตคงได้เห็น AI เป็นหนึ่งใน Tool ช่วยวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ หรืออย่างการเปิดตัวโมเดลแบบ Large Language and Vision Assistant (LLava) ที่สามารถประมวลผลจากรูป (Vision) ได้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของวงการ AI อยู่ไม่น้อย

    4. เกิด AI : Small Language Models (SLM) เพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น

    หนึ่งในเทรนด์ AI ที่น่าจับตามองของในปีนี้ คือโมเดลภาษาขนาดเล็ก (Small Language Models : SLM) ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่พัดพาสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ คือ Microsoft ด้วยการเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดเล็ก “Phi-2” AI แบบ Text-To-Text สำหรับค้นคว้าข้อมูลด้านงานวิจัยโดยเฉพาะ (ไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์) อย่างไรก็ตามความจิ๋วแต่แจ๋วของ Phi-2 เรียกว่าตามติดรุ่นพี่มาแบบสูสี สามารถใช้งานได้ทั้งแลปท็อปและสมาร์ตโฟนได้เหมือนกับตัว Large Language Models เลยทีเดียว

    จุดเด่นของ Small Language Models (SLM)

    จุดเด่นของ AI ที่เป็นโมเดลภาษาขนาดเล็กคือ ง่ายและรวดเร็ว เพราะเป็นการป้อนข้อมูลแบบเฉพาะเป็นวงแคบ อย่างตัว Phi-2 ก็ใช้แค่เอกสารวิชาการและตำราเรียน โดยมีรายงานว่า Microsoft ใช้เวลาเพียง 90-100 วัน ในการเทรนโมเดลด้วย A100 Tensor Core GPU นับหมื่นเพื่อสร้าง SLM

    แน่นอนว่าเมื่อข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปใน AI น้อย ย่อมส่งผลต่อพื้นที่หน่วยความจำที่ใช้ลดลง ยิ่งทำให้ตัวโมเดลขนาดเล็กมีความยืดหยุ่น เหมาะกับการปรับใช้บนอุปกรณ์ที่มีทรัพยากรจำกัด  ที่สำคัญการสร้าง Small Language Models ราคาถูกเมื่อเทียบกับรุ่นใหญ่อย่าง GPT-4

    เชื่อว่าปีนี้ เราน่าจะได้เห็นการเติบโตของ Small Language Models มากขึ้น ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความเร็วในการประมวลผลโต้ตอบรวมถึงตัวโมเดลที่หลากหลาย เจาะจง ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ น่าจะตรงใจภาคธุรกิจ AI for Business เพราะ SLM จะช่วยอุดรูรั่ว ตัดจบความกังวลเรื่องการใช้เม็ดเงินมหาศาลในการลงทุน ไม่ต้องจ่ายเยอะ Customize ได้ ว่าอยากได้ฐานข้อมูลเพียงเท่านี้ จ่ายน้อยลงในผลลัพธ์ที่ต้องการ แถมระยะเวลาในการ Process ก็ใช้ไม่นาน ง่าย สะดวก

    หุ่นยนต์ AI แบบจาร์วิส (J.A.R.V.I.S.) ในหนัง Iron Man ก็คงไม่ไกลเกินฝัน

    สรุปเทรนด์ AI ในปี 2024

    AI คงไม่ใช่กระแสที่มาแล้วไปไวอย่างแน่นอน แนวโน้มในอนาคตเชื่อว่า AI จะเป็นเครื่องมือที่เข้ามาพลิกโฉมระบบการทำงานครั้งใหญ่ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของเราทุก ๆ คน นับเป็นก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่สำคัญ เป็น Key สำคัญที่จะพาเราเปิดประตูสู่โลกแห่งความเป็นไปได้ที่มากขึ้น

    เชื่อว่าในปี 2024 จะเป็นอีกปีที่พอย้อนกลับมามอง เราคงพูดอีกครั้งว่า “AI เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง”

    —————————————–

    Looloo Technology is a leading AI consulting company, renowned for delivering cutting-edge and customized AI and Data Analytics solutions, with expertise in predictive analytics, natural language processing (NLP), intelligent document processing (IDP), and automatic speech recognition (ASR), Our application of design thinking methodology ensures a deep understanding of our clients, complemented by a strategic consulting approach to identify areas for maximal impact. Emphasizing rigorous user testing, we fine-tune our solutions to precisely meet the users needs.

    Our team is a collective of exceptional individuals with global experience handpicked from top institutions. Their relentless pursuit of excellence and commitment to innovation is what sets us apart and help bring our clients substantial growth and profitability.

    🌐 Website : www.loolootech.com

    📱 Facebook : Looloo Technology

    📸 Instagram : loolootech

    Reference

    https://sloanreview.mit.edu/article/five-key-trends-in-ai-and-data-science-for-2024/
    https://www.forbes.com/sites/janakirammsv/2024/01/02/exploring-the-future-5-cutting-edge-generative-ai-trends-in-2024/?sh=59ce88ae206e
    https://www.techtarget.com/searchbusinessanalytics/tip/6-top-predictive-analytics-tools
    https://www.thairath.co.th/money/tech_innovation/tech_companies/2757456?fbclid=IwAR05J38QDh1EiJYcQa-qB753anDxmCEpkFOmjIq_IZM1RGxa-PEvwkGUiNs

    Related news

    เทคโนโลยี AI ยกเครื่อง Telesales ขายประกันผ่านโทรศัพท์ ภายใต้ข้อกำหนด คปภ.

    เทคโนโลยี AI แปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text) ทางรอดธุรกิจประกันยุคดิจิทัล หลังพบร้องเรียนพุ่ง 300 คดี จากปัญหาพนักงานขายบิดเบือนข้อมูล-ให้ข้อมูลไม่ครบ ช่วยตรวจจับผิดแบบเรียลไทม์ ลดเวลาตรวจสอบจากแสนชั่วโมงเหลือ 15 ชั่วโมง/เดือน พร้อมประหยัดต้นทุน 30% สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า-คปภ.

    หมอออนไลน์

    เจาะ 4 เทคโนโลยีเพื่อเด็ก สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ ปรึกษาหมอได้ 24 ชม. แม้อยู่ไกลโรงพยาบาล

    ปัญหาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของเด็กไทยกว่า 1 ล้านคน กำลังได้รับการแก้ไขด้วยเทคโนโลยี Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกล ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านการแชตและวิดีโอคอล พร้อมระบบติดตามอาการแบบเรียลไทม์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและการเดินทาง ขณะที่แพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยี AI และระบบติดตามอัตโนมัติ นับเป็นอนาคตใหม่ของวงการแพทย์เด็กที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

    Looloo Health

    บางกอก เมดิคอล ซอฟต์แวร์ ใช้ AI “PresScribe” พัฒนาโดย Looloo Health ยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ นำร่องในโรงพยาบาล 35 แห่งทั่วประเทศ

    บริษัท บางกอก เมดิคอล ซอฟต์แวร์ จำกัด (BMS) ร่วมกับ Looloo Health โดยใช้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ นำ AI เสริมศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล 35 แห่งทั่วประเทศที่ใช้ระบบ BMS-HOSxP และ BMS-HOSxP XE ด้วยบริการ “PresScribe”