Skip to content Skip to footer

WordSense AI แปลงเอกสารเป็นข้อความดิจิทัล เจ้าเดียวในไทยที่อ่านลายมือภาษาไทยได้แม่นยำตั้งต้นถึง 92%

WordSense AI อ่านภาษาไทย
 

ขึ้นชื่อว่า ‘งานเอกสาร’ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ล่าช้า ใช้เวลาและสิ้นเปลืองทรัพยากรอยู่ไม่น้อย จากการสำรวจ Information Worker ของ International Data Group (IDC) สถาบันวิจัยด้านการตลาดของสหรัฐฯ เมื่อปี 2012 พบว่า พนักงานใช้เวลาเฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในการค้นหาเอกสาร ซึ่งหากสามารถลดเวลาตรงนี้ได้ พนักงานก็จะมีเวลาพัฒนาหรือทำงานอย่างอื่นได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ จึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ชื่อว่า Optical Character Recognition (OCR) หรือ การแปลงข้อความเอกสารจากกระดาษทั้งลายมือและตัวพิมพ์ ให้อยู่ในรูปแบบของข้อความดิจิทัล ช่วยให้การจัดการเอกสารเป็นเรื่องง่าย ลดเวลาการทำงาน ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น และนำข้อมูลไปใช้ในซอฟต์แวร์อื่นได้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้องค์กรได้ปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล พร้อมนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจแบบไร้ขีดจำกัด

Straits Research บริษัทด้านการวิเคราะห์ตลาดที่ให้บริการรายงานและบริการข้อมูลธุรกิจระดับโลก ระบุว่าปัจจุบันตลาดเทคโนโลยี OCR ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 8.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 43.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2032 ทั้งยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 17.23% ระหว่างปี 2024 ถึง 2032

ขณะที่ ปัจจัยหลักซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตนี้ คือความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการแปลงข้อมูลจากเอกสารกระดาษเป็นข้อความดิจิทัลในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ การดูแลสุขภาพ ยานยนต์ และอื่นๆ โดยในรายงานของ Grand View Research บริษัทวิจัยด้านการตลาดของสหรัฐฯ พบว่า การนำเทคโนโลยี OCR มาใช้ ช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายสำหรับจัดการเอกสารและเวลาที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลลงถึง 20-30% เมื่อเทียบกับวิธีการแบบเดิม

นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี OCR ที่ผสานกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ยังช่วยให้งานแปลงเอกสารแม่นยำ รวดเร็ว และถูกต้องมากยิ่งขึ้น ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้องค์กรสามารถจัดการกับข้อมูลได้ดีมากขึ้น

ดังนั้น บริษัท เวิร์ดเซนส์ จำกัด (WordSense) ผู้นำด้านโซลูชัน AI ภาษาไทยแบบครบวงจร ภายใต้การดูแลของบริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด (Looloo Technology) จึงได้มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชัน OCR อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีจุดเด่น คือ การประมวลผล ‘ภาษาไทย’ ที่มีความแม่นยำสูง ถือเป็นเจ้าเดียวในตลาด OCR ของไทยที่อ่าน ‘ลายมือภาษาไทย’ ได้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด ทั้งยังมีความเข้าใจเอกสารและดึงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง

คิม สหพัฒณ์ ล้ำสมบัติ CEO WordSense

“OCR by WordSense เจ้าเดียวในตลาด OCR ไทยที่อ่าน ‘ลายมือภาษาไทย’ ได้แม่นยำสูง”คิม สหพัฒน์ ล้ำสมบัติ CEO WordSense กล่าว

เทคโนโลยี OCR ในแบบฉบับ WordSense

อย่างที่รู้กันว่าตลาดเทคโนโลยี OCR กำลังเติบโตและมีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้ต้องโดดเด่นและมีความแตกต่าง ที่สำคัญตัว AI ต้องมีความแม่นยำสูงในระดับที่ทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถอ่านลายมือภาษาไทยได้ เพราะภาษาไทยแตกต่างจากภาษาอังกฤษ ตรงที่มี 21 รูป 32 เสียง ทั้งยังมีโครงสร้างเฉพาะตัวซึ่งแตกต่างจากหลายภาษาทั่วโลก

สหพัฒณ์ ล้ำสมบัติ CEO ของ WordSense บอกกับเราว่า OCR เป็นเทคโนโลยี AI ประเภท Computer Vision ที่เป็นเสมือนตาและปากให้คอมพิวเตอร์หรือระบบ จดจำ เข้าใจ และวิเคราะห์ข้อมูลภาพ หรือเรียกว่า Image Processing ซึ่ง OCR สามารถเปลี่ยนตัวอักษร ไม่ว่าจะเป็นตัวพิมพ์หรือลายมือ ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ที่อยู่บนกระดาษ ไฟล์รูปภาพ หรือไฟล์ PDF ให้เป็นข้อมูลดิจิทัลที่พร้อมใช้งาน

หลัง OCR ได้แปลงข้อความเอกสารเป็นข้อความดิจิทัลแล้ว OCR ยังสามารถจัดประเภทเอกสารให้อัตโนมัติ ตามหมวดหมู่ที่กำหนดไว้ตามประเภทเอกสาร และตรวจสอบความครบถ้วน สามารถแจ้งเตือนกรณีข้อมูลหรือเอกสารขาดหาย ทั้งยังตรวจสอบข้อมูลกับฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ป้อนเข้ามาทั้งหมดถูกต้อง รวมถึงมีระบบส่งออกอัตโนมัติที่จะจัดส่งข้อมูลไปยังปลายทางที่กำหนด ตามประเภทของเอกสาร

OCR by WordSense ฉลาด แม่นยำ และปลอดภัย

เทคโนโลยี OCR มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1914 ก่อนที่ในยุค 1990s OCR จะได้รับการพัฒนาอย่างมาก และถูกนำมาใช้เชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย

จะเห็นว่า OCR ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถูกค้นพบและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่การจะทำให้ OCR มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยข้อจำกัดมากมาย ทั้งเรื่องของคุณภาพความคมชัด ขนาดไฟล์ รูปแบบฟอนต์ ไปจนถึงรูปแบบของภาษา โดยเฉพาะภาษาไทยที่มีระดับภาษาซับซ้อน วรรณยุกต์และตัวสะกดหลากหลาย มีทั้งคำพ้องเสียง คำพ้องรูป ยากต่อการแปลงให้ออกมาถูกต้องและแม่นยำ

ยกตัวอย่าง คำว่า ‘กาศ’ หรือ ‘กาด’ ที่ตัว ศ และ ด อาจะมีความคล้ายคลึงกันในรูปถ่ายหรือไฟล์ที่ไม่ชัดมาก โมเดลของ OCR ของ WordSense จะดูบริบทของคำข้างหน้า ถ้าคำข้างหน้าเป็นคำว่า ‘ประ’ ระบบจะประมวลผลออกมาเป็นคำว่า ‘ประกาศ’ แต่ถ้าข้างหน้าเป็นคำว่า ‘ผัก’ ผลลัพธ์ที่ได้คือคำว่า ‘ผักกาด’

OCR ของ WordSense ถือเป็นเจ้าแรกในตลาด OCR ไทยตอนนี้ ที่มีตัวเลขความแม่นยำตั้งต้นในการอ่านตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือเป็นข้อความดิจิทัลถึง 92% และ 95% สำหรับการแปลงตัวพิมพ์เป็นข้อความดิจิทัล ซึ่งเปอร์เซ็นต์นี้เป็นเพียงแค่ค่าเริ่มต้นเฉพาะตอนส่งมอบงานให้ลูกค้าเท่านั้น หมายความว่า หลังจากลูกค้านำระบบ OCR ของ WordSense ไปใช้งาน ตัวโมเดลจะยิ่งแม่นยำมากขึ้น ยิ่งใช้งาน ยิ่งแม่นยำ ไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวเลขแค่นี้

“สิ่งที่ทำให้ OCR มีความแม่นยำสูงทั้งการอ่านลายมือและตัวพิมพ์ ครอบคลุมทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เพราะ WordSense มี Big Data จากบริษัทขนส่งโลจิสติกส์เจ้าใหญ่แห่งหนึ่ง ทำให้เราได้จำนวนลายมือหลายล้านข้อมูลมาเทรน OCR จนเกิดเป็นตัวเลขความแม่นยำที่บริษัทหรือผู้พัฒนาอื่นๆ ยังทำไม่ได้” CEO ของ WordSense เผยความต่าง

ในขณะเดียวกัน WordSense ยังได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านข้อมูล ระดับโลก ISO 27001-ISMS เป็นระบบมาตรฐานการจัดการความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศ ไม่เพียงจัดการข้อมูลด้วยความปลอดภัยสูงสุด แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้า เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้วย

“ในกระบวนการพัฒนาเทคโนโลยี OCR ให้แต่ละบริษัท ทาง WordSense จะไม่มีการนำข้อมูลของลูกค้าไปเทรนร่วมกับบริษัทอื่น ต่อให้บริษัทประกัน A และบริษัทประกัน B มาด้วยโจทย์เดียวกันก็ตาม เรียกว่าทุกขั้นตอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ที่สำคัญทุกครั้งที่เริ่มโปรเจกต์จะมีการเซ็นสัญญา NDA หรือข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล อีกทั้งข้อมูลทั้งหมดของลูกค้าจะถูกจัดเก็บไว้ใน AWS Cloud ซึ่งมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและรัดกุม ที่ต้องเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นจนจบ”

สำหรับใครที่สนใจทดลองใช้ Demo OCR by WordSense ได้ที่ wordsense-ocr-demo.loolootech.com

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://loolootech.com หรือ 02-028-7557

รับคำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ AI ในองค์กรฟรี! 3 ชั่วโมง 

AI อ่านข้อความ ภาษาไทย

OCR by WordSense อ่านเอกสารอะไรได้บ้าง

ลดต้นทุน ลดภาระงาน เชื่อมได้กับทุกระบบ จบที่ OCR

สหพัฒณ์ เล่าว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เป็นลูกค้าของ WordSense แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ นอกจาก ‘รัฐวิสาหกิจ’ ก็มี ‘ประกันและธนาคาร’ กลุ่มนี้จะใช้ OCR อ่านเอกสารแบบฟอร์มสมัครประกันหรือบัตรเครดิตที่ต้องเขียนด้วยลายมือ ยกตัวอย่าง บริษัทขายประกันแห่งหนึ่ง ที่ต้องการให้เทคโนโลยีนี้ลดภาระของพนักงาน โดยมีโจทย์ให้ทางผู้พัฒนาว่า กระบวนการทำงานทุกอย่างต้องเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด

“หลังจากนำโมเดลส่งลูกค้า พบว่าจากเดิมที่ใช้ทีมมากถึง 25 คน ในการกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบและแยกเอกสารต่างๆ ลดเหลือเพียง 3 คน ขณะเดียวกันระยะเวลาในการตรวจสอบกรมธรรม์ก็ลดลง จากเดิมใช้เวลาวันหรือสองวัน ถ้าข้อมูลถูกต้องครบถ้วน กระบวนการก็จะจบลงไม่กี่นาที”

สำหรับ ‘ธุรกิจโลจิสติกส์’ กลุ่มนี้จะใช้ OCR อ่านตัวหนังสือหน้าซองจดหมายหรือพัสดุ เพื่อนำข้อมูลไปทำระบบการจัดการเส้นทางการจัดส่ง (Route Optimization) เพื่อช่วยคำนวณเส้นทางที่รวดเร็ว ต้นทุนต่ำที่สุด และสามารถตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์

“ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของ OCR ที่พัฒนาโดย WordSense คือมันสามารถเชื่อมกับระบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นระบบภายในของบริษัทนั้นๆ หรือเชื่อมกับแอปฯ ของบริษัท ข้อดีคือคนที่ใช้งานแทบไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลง เช่น ลูกค้าอยากให้เชื่อมข้ากับ LINE OA หรือให้ OCR เข้าไปอยู่ในอีเมลก็ทำได้เช่นกัน แสดงให้เห็นว่า OCR by WordSense สามารถปรับแต่งให้เข้ากับทุกความเฉพาะหรือความพิเศษของแต่ละองค์กรได้อย่างไร้กังวล”

AI อ่านลายมือภาษาไทย

ตัวอย่างเอกสารที่เขียนด้วยลายมือที่อ่านข้อมูลด้วย Demo OCR by WordSense

ก้าวต่อไปของ OCR by WordSense

อย่างที่รู้ว่าเทคโนโลยี AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีบทบาทสำคัญในหลายด้านของชีวิตประจำวันมนุษย์เรา เช่นเดียวกันกับ WordSense เองก็ได้วางก้าวต่อไปของเทคโนโลยี OCR โดยมุ่งเน้นเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ในตลาดมากขึ้น อาทิ โปรแกรม Document Management System หรือระบบจัดการเอกสารแบบครบวงจรในลักษณะดิจิทัล จากเดิมที่ช่วยจัดเก็บเอกสารเพียงอย่างเดียว การเสริม OCR เข้าไป ก็จะสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการจากเอกสารเหล่านั้นได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน พลังของมันสามารถเปลี่ยนโลกได้แทบทุกด้าน ตั้งแต่การใช้ชีวิตไปจนถึงการทำงาน ในทางธุรกิจ AI ไม่เพียงช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไร และทำให้การทำงานเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มโอกาสและการเติบโตของธุรกิจอีกด้วย

—————————————–

Looloo Technology is a leading AI consulting company, renowned for delivering cutting-edge and customized AI and Data Analytics solutions, with expertise in predictive analytics, natural language processing (NLP), intelligent document processing (IDP), and automatic speech recognition (ASR), Our application of design thinking methodology ensures a deep understanding of our clients, complemented by a strategic consulting approach to identify areas for maximal impact. Emphasizing rigorous user testing, we fine-tune our solutions to precisely meet the users needs.

Our team is a collective of exceptional individuals with global experience handpicked from top institutions. Their relentless pursuit of excellence and commitment to innovation is what sets us apart and help bring our clients substantial growth and profitability.

🌐 Website : www.loolootech.com

📱 Facebook : Looloo Technology

📸 Instagram : loolootech

🎥 TikTok: @loolootech

 

Related news

AI อ่านเอกสาร

แก้เกม ‘งานเอกสารล้น ใช้คนไม่เต็มศักยภาพ’ ด้วย ‘OCR by WordSense’ AI แปลงเอกสารเป็นข้อความดิจิทัล แม่นยำตั้งต้นถึง 92%

เครื่องมือที่ทำให้งานเอกสารเป็นเรื่องง่าย ลดเวลาการทำงาน ลดจำนวนพนักงานจาก 30 คน ให้เหลือเพียง 3 คน ช่วยลดต้นทุนแต่ไม่ลดประสิทธิภาพ

แอปหมอเด็กออนไลน์ หมอคู่คิดส์

รู้จัก ‘หมอคู่คิดส์’ แอปคู่ใจแม่และเด็ก พื้นที่ปรึกษาออนไลน์ที่ดูแลใกล้ชิด อุ่นใจเหมือนมีคุณหมออยู่เคียงข้าง

จุดเริ่มต้นเล็กๆ จากทีมคุณหมอที่ตั้งใจอยากเป็นมากกว่าหมอที่รักษาโรค แต่เป็น ‘คู่คิด’ ที่อยู่เคียงข้าง ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ เข้าใจง่าย และไม่ตื่นตระหนกเกินจำเป็น

AI อ่านเอกสาร ภาษาไทย

ลดต้นทุน 30% ทำได้จริง ด้วย OCR AI ปลดล็อกศักยภาพธนาคารไทย เพิ่มประสิทธิภาพในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

เครื่องมือที่ทำให้งานเอกสารเป็นเรื่องง่าย ลดเวลาการทำงาน ลดจำนวนพนักงานจาก 30 คน ให้เหลือเพียง 3 คน ช่วยลดต้นทุนแต่ไม่ลดประสิทธิภาพ