ถ้าใครเคยเป็นคุณแม่มือใหม่ คงจะคุ้นเคยกับ ‘สมุดสีชมพู’ เล่มเล็กๆ ที่ได้รับจากโรงพยาบาลตอนเริ่มฝากครรภ์ สมุดที่บันทึกเรื่องราวสุขภาพของแม่ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ามีลูกอยู่ในท้อง จนถึงการดูแลเจ้าตัวเล็กในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำเรื่องอาหาร วัคซีน หรือการเจริญเติบโต สมุดเล่มนี้จึงเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจของพ่อแม่หลายคน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปวิถีชีวิตเปลี่ยนและมือถือกลายเป็นผู้ช่วยประจำบ้าน การเปิดสมุดทีละหน้าอาจไม่ทันใจเท่าไหร่ ความรู้เรื่องสุขภาพที่เคยอยู่ในกระดาษ จึงถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบใหม่ ส่งตรงถึงพ่อแม่ผ่านแอป LINE อย่างเข้าใจง่าย ใช้งานสะดวก และไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญของลูก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากโครงการ ‘9 ย่างเพื่อสร้างลูก’ ที่หยิบองค์ความรู้จากสมุดสีชมพูมาปรับให้เข้ากับชีวิตยุคดิจิทัล ด้วยความร่วมมือของ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) และได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก Tech Partner อย่าง Looloo Health ผู้เชื่ยวชาญด้าน AI ทางการแพทย์ ซึ่งนำความรู้จากผู้เชี่ยวชาญมาผสานกับเทคโนโลยี AI เพื่อคัดเลือกคำแนะนำที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก ช่วยให้พ่อแม่เข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่าย เข้าใจเร็ว และมั่นใจในการดูแลลูกในทุกขั้นตอน
ผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้คือ ‘หมอไอซ์’ หรือ นายแพทย์จิรภัทร บุนนาค Lead AI Healthcare Specialist แห่ง Looloo Health ที่ไม่ได้แค่นำเทคโนโลยี AI มาผสานกับการดูแลสุขภาพเท่านั้น แต่ยังตั้งใจให้ทุกครอบครัวรู้สึกว่า ‘ไม่ได้เลี้ยงลูกลำพังอีกต่อไป’
ทำความรู้จัก ‘9 ย่างเพื่อสร้างลูก’ ระบบส่งคำแนะนำสุขภาพแม่ลูกผ่าน LINE
“ก่อนหน้านี้ Looloo Health ได้พัฒนาบริการ Telemedicine ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ‘หมอคู่คิดส์’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแม่และเด็ก จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเกิดจากการที่ทีมงานลงพื้นที่ไปทำวิจัย พูดคุยกับพ่อแม่ และทำความเข้าใจผู้ใช้งานให้มากขึ้น จึงพบว่าพ่อแม่หลายคนมีความกังวลและคำถามมากมายในการดูแลลูกในแต่ละช่วงวัย”
หมอไอซ์ บอกอีกว่า พอเราเริ่มทำวิจัยมากขึ้น เข้าใจผู้ใช้งานมากขึ้น เข้าใจพ่อแม่มากขึ้น เราก็เห็นชัดเลยว่า จริงๆ แล้วพ่อแม่มีความกังวลและประสบปัญหาหลายเรื่อง สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดหมอคู่คิดส์ขึ้นมา และการทำงานกับแพลตฟอร์มนี้ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจพ่อแม่กลุ่มนี้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อทำงานด้านนี้ต่อเนื่อง ทีมพัฒนาก็เริ่มเห็นว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ภาครัฐได้วางรากฐานไว้อย่างดี หนึ่งในนั้นคือ ‘สมุดสีชมพู’ และโครงการ ‘9 ย่างเพื่อสร้างลูก’ ซึ่งถือเป็นคลังข้อมูลสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้กันมายาวนาน
“สมุดสีชมพูคือสมุดประจำตัวที่คุณแม่ทุกคนจะได้รับเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ จริงๆ แล้วสมุดเล่มนี้มีมานานกว่า 40 ปีแล้ว ภายในเล่มจะบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติสุขภาพ วันเกิด น้ำหนักแรกคลอด ตารางการฉีดวัคซีน และอื่นๆ อีกมากมาย”
นอกจากข้อมูลพื้นฐานแล้ว สิ่งที่หมอไอซ์เห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับคุณแม่มือใหม่ คือคำแนะนำในเล่มที่ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ โภชนาการ และโรคต่างๆ ที่ควรรู้
“สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับคุณแม่มือใหม่ คือเนื้อหาคำแนะนำในเล่ม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมีย ดาวน์ซินโดรม หรือเรื่องโภชนาการของหญิงตั้งครรภ์และการเลือกอาหารที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นความรู้ที่มีคุณค่า เหมือนคู่มือสุขภาพที่ดีมากสำหรับครอบครัว” หมอไอซ์ เสริมด้วยว่า ถ้าย้อนกลับไปในยุคที่สมุดสีชมพูถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ 30-40 ปีก่อน ต้องยอมรับเลยว่าเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาได้ดีและครบถ้วนมากจริงๆ ถ้าพ่อแม่เปิดอ่านอย่างละเอียดก็สามารถดูแลลูกได้ครอบคลุมเกือบทุกมิติ
แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคดิจิทัลที่ความสะดวกและความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ การเปิดหาข้อมูลจากสมุดเล่มหนาๆ อาจไม่ตอบโจทย์เท่าเดิม
“ทุกวันนี้เวลาจะค้นหาข้อมูลในสมุด เราอาจไม่รู้ว่าต้องเปิดหน้าไหนก่อน มันดูยุ่งยากไปหน่อย กรมอนามัย และ UNICEF จึงได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ขึ้นมา เป็นระบบส่งข้อความทาง LINE ที่ชื่อว่า ‘9 ย่างเพื่อสร้างลูก’ เพื่อช่วยให้พ่อแม่ได้รับข้อมูลที่สำคัญตามช่วงวัยของลูกได้ง่ายขึ้น
“ระบบนี้จะคัดเลือกข้อมูลจากสมุดสีชมพู แล้วปรับให้อยู่ในรูปแบบข้อความที่อ่านง่าย ส่งให้พ่อแม่ผ่านไลน์ตามช่วงอายุของลูก ซึ่งจะได้รับคำแนะนำที่เหมาะกับช่วงวัยนั้นแบบอัตโนมัติ” หมอไอซ์ อธิบายเพิ่มเติม
AI ในมือพ่อแม่ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ดูแลลูกได้ทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม หมอไอซ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า แม้โครงการจะมีเนื้อหาที่ดีและเข้าถึงง่าย แต่ระบบเดิมยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ไม่สามารถแยกข้อมูลเมื่อลูกมีมากกว่าหนึ่งคนในครอบครัวเดียวกัน และไม่มีช่องทางให้ผู้ใช้โต้ตอบหรือสอบถามเพิ่มเติมได้โดยตรง ฟีเจอร์ที่มียังไม่สามารถรองรับความหลากหลายของครอบครัวและความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างเต็มที่
เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ ทีม Looloo Health จึงเข้ามาร่วมพัฒนาระบบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยใส่ความสามารถของ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์และส่งข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละครอบครัว เพิ่มฟีเจอร์การลงทะเบียนลูกหลายคนในบัญชีเดียว และเปิดช่องทางการสื่อสารสองทาง เพื่อให้พ่อแม่สามารถพูดคุย สอบถาม และรับคำแนะนำแบบใกล้ชิด เหมือนได้มีหมอประจำครอบครัวอยู่ในมือ
นอกจากความสามารถในการให้ข้อมูลอย่างแม่นยำแล้ว ระบบยังถูกออกแบบให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เมื่อเกิดแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่นๆ ข้อมูลคำแนะนำจาก กรมอนามัย และ UNICEF จะถูกส่งไปถึงมือผู้ปกครองทันที เพื่อให้คำแนะนำเรื่องการดูแลร่างกายและจิตใจของลูกในภาวะวิกฤต
ส่งข้อมูลเชิงรุกถึงมือพ่อแม่ในพื้นที่ ลดภาระงานของ รพ.
ขณะเดียวกัน หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของแพลตฟอร์ม 9 ย่างเพื่อสร้างลูกคือ การส่งข้อความเชิงรุกในระดับพื้นที่ เช่น หากพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในบางจังหวัด ระบบก็สามารถส่งข้อมูลเฉพาะเจาะจงไปยังพื้นที่นั้นได้โดยตรง ต่างจากระบบเก่าที่ส่งข้อมูลแบบเหมารวมไปยังผู้ใช้งานทั้งหมด ทำให้การสื่อสารของหน่วยงานรัฐถึงประชาชนมีความแม่นยำและทันสมัยมากขึ้น สามารถช่วยลดภาระงานของโรงพยาบาลและสถานพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เบื้องหลังความพยายามทั้งหมดนี้ ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด ‘Leave No One Behind’ หรือ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ที่สะท้อนเจตนารมณ์ในการสร้างระบบสุขภาพที่เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม แม้ในความเป็นจริงยังมีบางครอบครัวที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยีหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้งานอย่างสะดวก และนี่ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่พวกเขายังเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงให้มากขึ้น
ส่วนอีกหนึ่งหัวใจในการทำงาน คือ การเข้าใจผู้ใช้ให้มากกว่าที่ผู้ใช้เข้าใจตัวเอง ด้วยแนวทางนี้ ทีมงานจึงลงพื้นที่จริง สังเกต และวิเคราะห์พฤติกรรมของพ่อแม่ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ได้ตรงจุดที่สุด นั่นหมายความว่าพ่อแม่ที่ใช้งานจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือทิ้งไว้ข้างหลัง แต่เหมือนได้มีหมอหรือผู้เชี่ยวชาญคอยอยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลาของการเลี้ยงดู
หมอไอซ์ ยังสรุปเป้าหมายนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า “เราอยากให้พ่อแม่รู้สึกอุ่นใจ เหมือนได้มีหมอหรือผู้เชี่ยวชาญคอยอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวในการเลี้ยงลูก แพลตฟอร์มนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อแบ่งเบาภาระและสร้างความมั่นใจในทุกช่วงเวลาของการดูแลลูก”
แม้ในตอนนี้โครงการ ‘9 ย่างเพื่อสร้างลูก’ จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หมอไอซ์เชื่อมั่นว่า แนวคิดเดียวกันนี้สามารถต่อยอดไปยังเรื่องสุขภาพในกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้สูงอายุ การติดตามสุขภาพเด็กวัยเรียน หรือการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง แค่เพียงเรามีเทคโนโลยีที่เข้าใจผู้ใช้จริงและพร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน
หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากได้ข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการดูแลลูก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ หลังคลอด การให้นมแม่ ไปจนถึงช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 ขวบ ลองแอดไลน์ @9yangth (http://bit.ly/9yangth) ไว้ได้เลย ที่นี่มีคำแนะนำจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญส่งถึงมือแบบเข้าใจง่าย ใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมใช้เทคโนโลยี AI ช่วยให้ข้อมูลตรงกับช่วงวัยของลูกอีกด้วย
—————————————–
Looloo Technology is a leading AI consulting company, renowned for delivering cutting-edge and customized AI and Data Analytics solutions, with expertise in predictive analytics, natural language processing (NLP), intelligent document processing (IDP), and automatic speech recognition (ASR), Our application of design thinking methodology ensures a deep understanding of our clients, complemented by a strategic consulting approach to identify areas for maximal impact. Emphasizing rigorous user testing, we fine-tune our solutions to precisely meet the users needs.
Our team is a collective of exceptional individuals with global experience handpicked from top institutions. Their relentless pursuit of excellence and commitment to innovation is what sets us apart and help bring our clients substantial growth and profitability.
🌐 Website : www.loolootech.com
📱 Facebook : Looloo Technology
📸 Instagram : loolootech
TikTok: @loolootech