สถานการณ์ปัจจุบันของ AI Chatbot ในตลาดโลกและไทย
ในระดับโลก ตลาด AI Chatbot คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 27.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 [2] สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับเทคโนโลยีนี้อย่างกว้างขวาง องค์กรทั่วโลกกำลังเพิ่มการลงทุนใน Generative AI โดยงบประมาณสำหรับเทคโนโลยีนี้จะเติบโต 60% จากปี 2025 ถึง 2027 ขยายจากเฉลี่ย 4.7% ของงบประมาณ IT ทั้งหมดเป็นประมาณ 7.6% ภายในปี 2027 [3]
การสำรวจล่าสุดยังพบว่า 75% ของผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกจัดให้ AI/GenAI อยู่ใน 3 อันดับแรกของลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับปี 2025 [3] ขณะที่ในประเทศไทย แนวโน้มนี้ได้รับแรงหนุนจากนโยบายรัฐบาลและแผนกลยุทธ์ Thailand 4.0 ที่สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาใช้ [1]
ทำไมผู้บริโภคจึงชื่นชอบ AI Chatbot?
ข้อมูลล่าสุดเผยว่า 88% ของลูกค้าใช้ AI Chatbot ในปี 2022 และ 87.2% มีประสบการณ์เป็นกลางหรือเชิงบวกกับเทคโนโลยีนี้ [2] สาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ AI Chatbot มากขึ้นมีหลายประการ
- 62% ของผู้บริโภคชอบใช้ Chatbot มากกว่ารอพนักงานบริการลูกค้า [2]
- 71% ของผู้บริโภคชอบแชตกับ Chatbot เมื่อต้องการตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อ [2]
- 69% ของลูกค้าพึงพอใจกับการมีปฏิสัมพันธ์ครั้งล่าสุดกับ Chatbot [2]
- 40% ของผู้บริโภคไม่สนใจว่าคำถามของพวกเขาจะได้รับการดูแลโดยมนุษย์หรือ Chatbot [2]
ที่น่าสนใจคือ การวิจัยจาก Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 ประมาณ 40% ของปัญหาบริการลูกค้าทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขโดยเครื่องมือ GenAI โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มบุคคลที่สาม เช่น ChatGPT, Google AI Overviews และ Apple Intelligence [4]
เทรนด์สำคัญของ GenAI Chatbot ที่องค์กรไทยควรติดตาม
1. การใช้งานแบบเฉพาะทางและ Vertical Applications
องค์กรกำลังเปลี่ยนจากวิธี plug-and-play มาสู่การใช้ GenAI “ในรูปแบบที่ปรับแต่งมากขึ้น” แนวโน้มนี้จะเพิ่มให้เห็นมากขึ้นในปีนี้ โดยองค์กรจะฝึกฝนโมเดล AI บนข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงกับอุตสาหกรรมหรือองค์กรของตนเอง เช่น บริษัทการเงินอาจฝึก Large Language Models (LLMs) บนข้อมูลของตนเพื่อช่วยนักลงทุนเลือกการลงทุน หรือบางบริษัทอาจฝึก LLM เกี่ยวกับกระบวนการเฉพาะของตนเพื่อสร้างระบบที่ช่วยสอนพนักงานเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน [3]
2. Agentic AI จะกลายเป็นเรื่องปกติ
Agentic AI หรือ GenAI agents ที่กำลังมาแรงแห่งยุค คือหนึ่งในประเภทของ AI ที่ระบบทำงานอย่างอิสระโดยไม่ได้รับการแทรกแซงโดยตรงจากมนุษย์ จากการวิจัยพบว่า 67% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขา “กำลังพิจารณา Agentic AI ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงด้าน AI ของพวกเขา” ถึงแม้ว่า 51% ขององค์กรที่กำลังสำรวจการใช้ Agentic AI มีเพียง 12% เท่านั้นที่ได้นำมาใช้งานจริง [3]
3. การเพิ่มขึ้นของโมเดล Multimodal
การใช้ Multimodal GenAI – AI ที่ยอมรับและสังเคราะห์ข้อมูลหลายประเภท เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง – จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ Gartner ประมาณการว่า 40% ของข้อเสนอ GenAI จะเป็นแบบ multimodal ภายในปี 2027 เพิ่มขึ้นจากเพียง 1% ในปี 2023 [3] โดยโมเดลเหล่านี้จะช่วยให้แชตบอตเข้าใจข้อมูลได้ครบถ้วนมากขึ้นและสร้างการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
4. ความกังวลเกี่ยวกับหลักการ Responsible AI
แม้ว่าการใช้ GenAI จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หลายคนยังกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องและการประยุกต์ใช้งาน หลาย ๆ องค์กรกำลังมุ่งเน้นที่ Responsible AI มากขึ้น ด้วยการหาแนวทางพัฒนาและใช้งาน AI ในรูปแบบที่เป็นธรรม ถูกต้อง โปร่งใส รับผิดชอบ และอธิบายได้
องค์กรไทยควรปรับตัวอย่างไรกับการมาของ GenAI Chatbot?
1. พัฒนากลยุทธ์ GenAI ที่ชัดเจน
องค์กรไทยควรพัฒนากลยุทธ์ GenAI ที่ชัดเจนซึ่งควรต้องสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ เริ่มจากการระบุปัญหาเฉพาะที่ GenAI Chatbot สามารถแก้ไขได้ในบริบทของคุณ รวมถึงวิธีวัดความสำเร็จ โดยกลยุทธ์นี้ควรครอบคลุมทั้งแง่มุมด้านเทคนิคและการนำ AI มาใช้กับพนักงาน
2. เน้นที่ประสบการณ์ที่แตกต่าง
องค์กรไทยสามารถยกระดับการบริการลูกค้าด้วย GenAI Chatbot โดยออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าและบูรณาการข้อมูลภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการใช้ LINE Chatbot เป็นช่องทางหลัก เนื่องจาก LINE มีผู้ใช้งานมากถึง 50 ล้านคนในไทย [1] ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวก ควบคู่กับหลัก “Human Touch” เพื่อรักษาคุณภาพบริการ
ด้วยแนวโน้มการเติบโตของตลาด AI Chatbot ที่คาดว่าจะขยายตัว 23.6% ต่อปีจนถึงปี 2030 องค์กรไทยควรเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าในยุคดิจิทัล [5]
3. พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของแรงงาน
การนำ GenAI Chatbot มาใช้จะเปลี่ยนความต้องการทักษะสำหรับพนักงานบริการลูกค้า เมื่อ AI รับมือกับงานประจำวันที่ไม่ซับซ้อน ทีมบริการลูกค้าอย่าง Customer Service ควรได้รับการฝึกอบรมใหม่ เพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและรองรับกับอารมณ์ต่าง ๆ ได้จากลูกค้าที่เจอได้มากขึ้น
4. พัฒนากลยุทธ์บริการลูกค้าแบบองค์รวม
องค์กรควรให้ AI Chatbot เป็นเพียงช่องทางเสริมของลูกค้ามากกว่าเข้ามาทดแทน Customer Service 100% ขณะเดียวกันต้องพัฒนากลยุทธ์การบริการลูกค้าแบบองค์รวมอย่างรอบด้าน รวมถึงผสมผสานแนวทางการทำงานของ AI และพนักงานอย่างไร้รอยต่อ
เริ่มต้นด้วยการประเมินความต้องการ AI chatbot ในองค์กร
ขั้นแรกคือ เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์กระบวนการทำงานที่ซ้ำซาก เช่น การตอบคำถามที่พบบ่อย การตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อ หรือการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การวิจัยจาก Gartner ชี้ว่า 40% ของปัญหาบริการลูกค้าจะถูกแก้ไขโดย GenAI ภายในปี 2027 [6] ซึ่งกระบวนการเหล่านี้มักเป็นจุดที่ AI Chatbot สามารถรับมือได้ดี
จากนั้นให้ประเมินความต้องการเฉพาะทางของแต่ละฝ่ายในองค์กร รวมถึงศึกษาพฤติกรรมลูกค้า นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบความพร้อมของระบบ IT และทำการทดลองใช้งานในขอบเขตจำกัดก่อน อย่างไรก็ตามการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA เป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรไทยต้องคำนึงถึง
ท้ายที่สุด การคำนวณ ROI จะช่วยให้องค์กรตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยี AI Chatbot ได้อย่างมั่นใจ โดยพิจารณาถึงประโยชน์ในการลดต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่องค์กรกำลังเพิ่มงบประมาณสำหรับเทคโนโลยี GenAI
สรุปองค์กรไทยควรปรับตัวอย่างไร?
ด้วยตลาด AI Chatbot ของไทยที่คาดว่าจะเติบโต 23.6% ต่อปีจนถึงปี 2030 และการคาดการณ์ว่า 40% ของปัญหาบริการลูกค้าจะได้รับการแก้ไขโดย GenAI ภายในปี 2027 องค์กรไทยไม่สามารถเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ บริษัทที่ลงทุนในเทคโนโลยี GenAI Chatbot และพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ
ในประเทศไทย มีบริษัทสำคัญที่ให้บริการด้าน AI Chatbot เช่น Looloo Technology บริษัทชั้นนำด้านการให้คำปรึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการนำเสนอโซลูชันด้าน AI ภาษาไทย และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับแต่งให้ตรงกับตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น AI Chatbot/Voicebot ระบบแปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text) ระบบแปลงข้อความเอกสารเป็นข้อความดิจิทัล (OCR)
GenAI Chatbot for Business by Looloo Technology
รายละเอียดเพิ่มเติม Website : www.loolootech.com หรือ ☎️ 020287557
แม้ว่าการนำ GenAI Chatbot มาใช้จะมีความท้าทาย แต่ผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น – ต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง ความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น – ทำให้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับองค์กรไทยที่ต้องการก้าวนำในเศรษฐกิจดิจิทัล การเริ่มต้นพัฒนากลยุทธ์ GenAI chatbot ในวันนี้จะช่วยให้องค์กรอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพเต็มที่ของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงนี้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
[1] https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/thailand-bot-market-report
[2] https://botpress.com/blog/key-chatbot-statistics
[3] https://www.techtarget.com/searchenterpriseai/feature/The-future-of-generative-AI-Trends-to-follow
[5] https://www.forinsightsconsultancy.com/th/reports/ai-chatbot-market/
—————————————–
Looloo Technology is a leading AI consulting company, renowned for delivering cutting-edge and customized AI and Data Analytics solutions, with expertise in predictive analytics, natural language processing (NLP), intelligent document processing (IDP), and automatic speech recognition (ASR), Our application of design thinking methodology ensures a deep understanding of our clients, complemented by a strategic consulting approach to identify areas for maximal impact. Emphasizing rigorous user testing, we fine-tune our solutions to precisely meet the users needs.
Our team is a collective of exceptional individuals with global experience handpicked from top institutions. Their relentless pursuit of excellence and commitment to innovation is what sets us apart and help bring our clients substantial growth and profitability.
🌐 Website : www.loolootech.com
📱 Facebook : Looloo Technology
📸 Instagram : loolootech
TikTok: @loolootech